[S.Fic The heroes of Olympus] After the war {Jasico}

Pairing : Jason Grace/Nico di angelo – [Jasico]

Fandom : The heroes of Olympus : The blood of Olympus

Rating : T

Author : Hankaoxing

****มีสปอยล์ของซีรีย์ The heroes of Olympus : The blood of Olympus ค่อนข้างมาก เพราะว่าบทสนทนาส่วนใหญ่จะยกมาจากตอนจบท้ายเล่ม มีการตัดทอนประโยคและรายละเอียดบางอย่างออก และมีการเพิ่มคำพูดหรือรายละเอียดปลีกย่อยเข้าไปแทนที่อีกนิดหน่อยเพื่อเพิ่มอรรถรส แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังสปอยล์อยู่ดี ฟฟฟฟฟฟฟ****

****เนื้อหาเป็นชายรักชาย หากไม่มีเลือดวาย กรุณาไปซื้อมาให้เรียบร้อยก่อนนะคะ ฮา*****

[ย้ำ สปอยล์หนักมาก]


หลังจากสงครามค่ายฮาล์ฟบลัดและค่ายจูปิเตอร์ยุติลง.. เขาหมายถึง..นั่นล่ะ สงครามไกอา

นิโค เรย์นา และโค้ชเฮดจ์สามารถนำเอาอาธีน่าพาร์เธนอสไปถึงค่ายฮาล์ฟบลัดได้ทันเวลาก่อนที่พวกโรมันจะโจมตีค่ายภายใต้คำสั่งของอ็อกเทเวียน(ก่อนหน้านั้นเรย์นามักจะละเมอว่า เจ้าพอนทิเฟ็กส์แม็กซิมัสจอมปลอมนั่น! ทุกครั้งที่เธอหลับ)

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถนำอาธีน่าพาร์เธนอสไปถึงค่ายได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งการตื่นขึ้นมาของไกอาได้ มารดาแห่งสรรพสิ่งและพื้นพิภพก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น

พวกเขาคงจะตายไปแล้วแน่ๆถ้าไม่ใช่เพราะลีโอ เจสัน และไพเพอร์

เจสันและไพเพอร์ปลอดภัยดี แต่ลีโอ..เขาสละตัวเองเพื่อช่วยสยบไกอา ปกป้องค่าย และรวมถึงพวกนิโคเอาไว้ .. ประวัติศาสตร์จะจดจำเขาในฐานะวีรบุรุษแห่งโอลิมปัสไปตลอดกาล

….แต่นิโคไม่คิดอย่างนั้น

ส่วนหนึ่งของเขาสามารถรับรู้ถึงความตายของลีโอ วัลเดซ บุตรแห่งเฮเฟตัสได้

แต่อีกส่วนหนึ่ง…เขากลับรู้สึกว่ามันมีอะไรที่แตกต่างออกไป

เขารู้สึกเหมือนว่าอีกเสี้ยวหนึ่งของลีโอยังอยู่ มันเป็นความรู้สึกที่เบาบางมาก แต่เขาก็รู้สึกถึงมันได้ มันเหมือนกับว่าลีโอยังไม่ตาย บางทีเขาอาจจะแค่ไปอยู่ในมิติอื่นหรือห้วงมนต์บังตาของเฮเซลก็ได้…ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

แต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างหากที่น่าปวดหัวกว่า

ด้วยความที่เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอนเลยเพราะเอาแต่คิดเรื่องของลีโอ เรื่องของเพอร์ซีย์ และเรื่องที่ว่าหลังจากนี้เขาควรจะทำอะไรต่อไปดี

พอรู้ตัวอีกทีก็รุ่งสางซะแล้ว เขาเลยตัดสินใจได้ว่าอย่างน้อยเขาก็ควรที่จะงีบสักหน่อยก่อนที่พวกเฮเซลจะเดินทางกลับค่ายจูปิเตอร์ แต่เจสันก็ดันมาเคาะประตูหน้าบ้านของเขาและเรียกให้เขาออกไปคุยข้างนอกซะก่อน

….

….

โอยยยยย! หงุดหงิดโว้ยยย! ไอ้บุตรแห่งจูปิเตอร์บ้า! เรียกให้ออกมาคุยแต่ไม่เห็นจะพูดอะไรสักกะแอะ! คิดว่าเล่นสงครามประสาทอยู่รึไง!

แต่จะว่าไป…นี่เป็นครั้งแรกเลยแฮะที่เขาสามารถพินิจมองร่างสูงข้างๆเขาได้มากและนานขนาดนี้(ก็เพราะเจ้าพวกปีศาจทั้งหลายที่เอาแต่โผล่มาไม่รู้จักหยุดหย่อนนั่นแหละ! โผล่มาไม่รู้จักให้เขาและเพื่อนๆของเขาได้พักบ้างเลย มันเลยทำให้เขาไม่สามารถสนใจอะไรอื่นได้นอกจากการต่อสู้และภารกิจ)

นิโคเพ่งมองร่างสูง .. เขาดูเจิดจ้าชะมัดท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้าแบบนี้ แสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นขับให้ผิวเนียนขาวของเจสันดูเหมือนสีแทนน้ำผึ้งแบบพวกนักกีฬา(ซึ่งพอบวกกับร่างกายกำยำนั่นแล้ว.. อืม เขาดูเหมือนพร้อมที่จะวิ่งรอบโลกได้สักสามสิบรอบแล้ว)

ผมสีบลอนด์ของเจสันพริ้วไปตามสายลม รอยไถที่สีข้างจากการต่อสู้กับมหาโจรสไครอนนั่นยังอยู่(ซึ่งนิโคคิดว่ามันก็เข้ากับเจสันดี)

ดวงตาสีฟ้าหยั่งลึกนั่น..มันทำให้นิโคนึกถึงดวงตาสีมรกตของเพอร์..— ไม่สิ! เขาห้ามนึกถึงเพอร์ซีย์เด็ดขาดนะ! ก่อนหน้านี้เขาได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะตัดใจจากเพอร์ซีย์ เพราะฉะนั้นเขาต้องทำให้ได้! คิดเรื่องอื่นสินิโค อย่างเอ่อ…คุณสมบัติเด่นทั้งหมดของเจสันเทียบไม่ได้เลยกับของนิโค! โอ้ ใช่! อย่างเช่น เจสันมีร่างกายกำยำแต่นิโคกลับผอมบางเป็นผีกองกอย เจสันมีผิวสีสุขภาพดีแต่นิโคกลับขาวซีดเป็นศพ..

โดยภาพรวมแล้วเจสันถือว่าดูดีมากทีเดียวเมื่อเทียบกับนิโค.. กางเกงในฮาเดสช่วย การที่พวกเขามายืนข้างกันนี่มันถูกต้องแล้วเรอะ?!

“นี่ นิโค”

“เอ๊ะ เอ่อ..ว่าไง?” ให้ตายสิ ตกใจหมด! พอจะพูดก็พูดออกมาได้ง่ายๆเลยแฮะไอ้หมอนี่

“นายคิดว่ายังไงกับเรื่องของลีโอ?” อืม..ถามได้ตรงประเด็นดีมากเจสัน เกรซ… แล้วแบบนี้เขาควรจะตอบไปว่ายังไงดีล่ะเนี่ย?!

“…ลีโอตายแล้วเจสัน ฉันขอโทษ ฉันก็อยากจะให้คำตอบที่ดีกว่านี้กับนาย แต่..ฉันรู้สึกได้ถึงความตายของเขาเจสัน ฉัน..ฉันขอโทษจริงๆ” เหล่าเทพเจ้า เขาพูดออกไปแล้ว เขารู้ว่าเขาควรที่จะพูดอะไรที่ดีกว่านี้ แต่… เขาไม่สามารถโกหกเพื่อนของเขาได้ เขาไม่สามารถปล่อยให้เพื่อนของเขาฝันลมๆแล้งๆว่าลีโอจะต้องกลับมาได้ เขา..เขาทำไม่ได้

“เจสัน คือฉัน..—”

“เฮ้ นิโค มันไม่เป็นไร ฉันโอเค” ไม่ นิโครู้ว่าเขาต้องไม่โอเค

“แต่…—”

“นี่ ฟังนะ นั่นไม่ใช่ประเด็นเดียวที่ฉันมาหานายหรอกนะ” เจสันใส่ความหนักแน่นลงไปในน้ำเสียงของเขาเพื่อให้นิโคเลิกคิดมากสักที

“…งั้นอีกประเด็นคือ?” นิโคถามออกไป

“..ฉันจำได้ว่านายเคยบอกฉันอยู่ครั้งนึงว่าหลังจากจบเรื่องทั้งหมดนายจะไม่อยู่ทั้งค่ายฮาล์ฟบลัดและค่ายจูปิเตอร์ นายเลือกที่จะขอหายไปตลอดกาล คือ ฉันรู้ว่าฉันไม่อาจเปลี่ยนใจนายได้ แต่เฮ้..ฟังนะ ฉันจะรอนายอยู่ที่ค่ายนี้ คือจริงๆฉันต้องเดินทางไปกลับทั้ง2ค่ายเพราะต้องคอยดูแลเรื่องการสร้างศาลบูชาให้เหล่าเทพองค์เล็กทุกองค์ แต่ถ้านายอยากจะมา นายสามารถมาได้ทุกเวลาเลยนะ ฉันจะมารอรับนายที่นี่ เราจะยิ้มให้กันแล้วฉันก็จะทักนายว่าไง เพื่อน แล้วจากนั้น…—”

“เฮ้ เพื่อน ใจเย็นก่อน” นิโคทำมือเป็นสัญลักษณ์การขอเวลานอก

“คือฉันดีใจนะที่นายอุตส่าห์ทุ่มเทให้ฉันขนาดนี้น่ะ แต่…”

“….”

“….ฉันว่าฉันคงจะอยู่ที่ค่ายฮาล์ฟบลัดนี่แหละ”

“…….ห้ะ”

“คือ ไครอนมาคุยกับฉันว่าบ้านหมายเลขที่13 อืม..บ้านของบุตรธิดาแห่งฮาเดสอย่างฉันน่ะ ยังขาดที่ปรึกษาประจำบ้าน และด้วยความที่เหลือแค่ฉันคนเดียวเพราะเฮเซลจะไปประจำที่ค่ายจูปิเตอร์…ฉันก็เลยได้เป็นที่ปรึกษาบ้านนี้ไปโดยปริยายล่ะนะ” นิโคยักไหล่

“โอ้ นั่น..นั่นมันวิเศษไปเลยเพื่อน! และด้วยความที่ฉันก็เป็นคนเดียวที่อยู่ที่บ้านหมายเลข1ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น เวลากินข้าวเราก็จะมากินด้วยกัน เวลาแข่งชิงธงเราก็จะอยู่ทีมเดียวกัน เวลาฝึกซ้อมเราก็จะซ้อมด้วยกัน เวลา…—”

“เฮ้ เพื่อน พอก่อน นายยังมีเพื่อนอีกตั้งเยอะ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปกับฉันเลยนี่”

“นายก็เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกันนะ! เพื่อนสนิทด้วย! ฉันก็ต้องมากับนายอยู่แล้ว!” เจสันยิ้ม แสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ยามเช้าทำให้รอยยิ้มนั่นดูเจิดจรัสขึ้น

“…เพื่อนสนิท? ฉัน…เนี่ยนะ?” นิโคกำลังพยายามประมวลผลกับคำพูดนั้นอยู่ คิ้วของเขาเริ่มขมวดกันเป็นปมซึ่งเจสันก็คิดว่ามันน่ารักดี… เดี๋ยวนะ นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?!

“ก็ใช่น่ะสิ! เราผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งเยอะนี่นา นายก็ต้องเป็นเพื่อนสนิทของฉันอยู่แล้ว!” เขากะจะโน้มตัวเข้าไปกอดร่างเล็กเบื้องหน้าเพื่อแสดงถึงความจริงใจของเขา แต่เสียงของร่างเล็กก็ทำให้เขาต้องชะงักซะก่อน

“จ..เจสัน?”

“เอ่อ…นั่นสินะ ลืมไปเลย ไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัวสินะ ขอโทษที เข้าใจแล้ว” เขาผละออกมาจากนิโค

“….ครั้งนี้จะยกเว้นไปก่อนก็ได้นะ”

“…อะไรนะ”

เจสันสังเกตได้ว่าแก้มของร่างเล็กตรงหน้าเริ่มที่จะขึ้นสีซะแล้ว..

“ค..ครั้งนี้จะยกเว้นไปก่อนก็ได้นะ!” นิโคพยายามพูดให้ดังขึ้น

เจสันนึกสนุก

“เห~ อะไรนะนิโค~ ฉันไม่ได้ยินที่นายพูดเลย~” ร่างสูงเอามือป้องหูแล้วชะโงกเข้ามาใกล้นิโคเหมือนพยายามที่จะจับใจความของนิโคให้ได้มากที่สุด

น่าหงุดหงิดชะมัด..

“ฉันบอกว่า..—!”

“อะไรนะ~?”

“ฉัน..—”

“เห~?”

หนอย ไอ่บ้านี่!!

“ฉันบอกว่านายจะกอดฉันก็ได้นะ เจ้าบ้า!!!” นิโคกระชากคอเสื้อของร่างสูงลงมาสุดแรง แต่แรงทั้งหมดของนิโคก็ทำให้ร่างสูงเซแค่เล็กน้อยเท่านั้น

เจสันสังเกตได้ว่าหน้าของพวกเขาห่างกันไม่ถึงเซนด้วยซ้ำ… แต่ดูเหมือนร่างเล็กจะยังไม่รู้ตัวล่ะนะ

“อะไร!” ..ดูเหมือนว่าเขาจะจ้องนานไปแฮะ

“เปล่าซักหน่อย ก็แค่…”

“แค่อะไร?!”

“……..นายตอนโกรธนี่น่ารักดีนะ”

“พ..พูดบ้าอะไรของนาย?!!” นิโคปล่อยมือจากคอเสื้อของเขาแล้วผลักเขาเต็มแรง

ให้ตายสิ หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศเลยแฮะไอ้หมอนี่.. แต่จะมีหรือที่บุตรแห่งจูปิเตอร์และอดีตแม่ทัพแห่งค่ายจักรวรรดิโรมันภาคที่12อย่างเขาจะถูกผลักออกไปได้ง่ายๆเพราะแรงแค่นี้น่ะ

“ฮะฮะ แรงแค่นี้ไม่สะทกสะท้านฉันหรอกน่า” เจสันรวบกอดนิโคไว้ตามคำขอ คางของเขาซบลงบนบ่าของนิโค .. ไอ่ร่างเล็กนี่มันผอมกว่าที่เขาคาดไว้ซะอีกแฮะ.. ก็นะ ก็ไอ่หมอนี่มันเอาแต่กินผลทับทิมแค่ผลสองผลเองนี่นา

“นี่นายน่ะ นายไม่คิดว่านายจะผอมไปหน่อยเรอะ?” เจสันทักขึ้นมาขณะที่คางยังคงทาบอยู่กับไหล่ของนิโค

“หา? ฉันไม่ได้ผอมขนาดนั้นสักหน่อยน่า”

“อ้อเหรอ แล้วไอ่หุ่นอ้อนแอ้นอย่างกับผู้หญิงแบบนี้กับหนังที่แทบจะติดกระดูกอยู่แล้วนี่มันคืออะไรกันหา?” ร่างสูงหยิกเข้าที่เอวของนิโคเบาๆ .. นี่มือของหมอนั่นมันไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันฟะเนี่ย?!

“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย?!” นิโคพยายามผลักเจสันออกอีกครั้ง

“ฮ่าฮ่า ฉันบอกแล้วไง แรงแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะ~” เจสันย้ายมือของเขาให้กลับมารวบกอดร่างเล็กไว้เหมือนเดิม

“นานๆทีนายจะน่ารักยอมให้กอดแบบนี้ ก็ต้องกอดนานๆให้คุ้มใช่ไหมล่ะ”

“ไอ่บ้า!! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้น่า..—” แต่ก่อนที่นิโคจะได้พูดอะไร ร่างสูงตรงหน้าก็ดันทักขึ้นมาซะก่อน

“นี่ นิโค”

“……อะไรอีก”

“…นายช่วยกอดฉันกลับด้วยสิ” ..กล้าพูดออกมาได้นะไอ่หมอนี่!

“บ้ารึไง?! ทำไมฉันต้อง..—”

“น่าา…ฉันกอดนายอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ฉันก็ดูเฟลแย่สิ”

“ก็เรื่องของนายสิ!”

“…..นิโค” เจสันกอดนิโคแน่นขึ้นเหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังกอดตุ๊กตาหมี… แล้วทำไมต้องเป็นตุ๊กตาหมีฟะ?!

..

เฮ้อ

..

เขายอมแพ้

..

“….. เจสัน”

นิโคเอามือรวบแผ่นหลังกว้างของเจสันบ้าง

..

“หืม?”

นิโครู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างสูงที่แผ่ซ่านไปทั่วตัวของเขา

..

..ให้ตายสิ..

..

หุบปากไป

..


หายไปเป็นอาทิตย์ กลับมาแล้วค่ะ ฮ่า

คือ ตอนนี้กำลังมีปัญหากับคาแรคเตอร์ของเจสันมากค่ะ คือคาแรคเตอร์ของเจสันในหนังสือนี่คือเป็นคนที่แบบ มุ่งมั่น จริงจัง มีความเป็นผู้นำ อะไรอย่างงี้ แต่พอแต่งฟิคออกมาทีไร เจสันกลายเป็นหนุ่มมุ้งมิ้งตลกโปกฮาไปเลยค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ /ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่

เพราะงั้น ใครรับไม่ได้กับคาแรคเตอร์ของเจสันก็ขออภัยด้วยค่ะ เราก็เครียดเหมือนกัน ;-;

คือตอนอ่านหนังสือแล้วเจอฉากที่สองคนนี้คุยกันน่ะค่ะ คือกรี๊ดหนักมาก ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ไม่ใช่อะไร คือนิโคถามเจสันว่า ถ้าจะคุยกับเฮเซลล่ะก็ เธออยู่ข้างในน่ะ แต่เจสันกลับบอกว่า ไม่ล่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อมาคุยกับนาย  อื้อหือออ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ แถมยังมีอยู่ฉากนึงที่บรรยายประมาณว่า แว่นของเจสันเบี้ยวและนิโคพยายามอย่างมากที่จะไม่เอื้อมมือขึ้นไปจัดแว่นให้เจสัน คืออะไรรรรร แงงงงงง แล้วจากนั้นสองคนนี้ก็กอดกันค่ะ โดยจากในฟิคที่นิโคบอกว่า จะยกเว้นไปก่อนก็ได้นะ คืออันนี้มาจากออฟฟิเชียลเลยค่ะ ในนิยายนางพูดแบบนี้จริงๆ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

เห้อ คุณริคหนอ เซอร์วิสกะจะให้แม่ยกตายกันไปข้างเลยใช่มั้ยคะ

มีข้อติชมอะไรก็เมนท์ได้นะคะ หรือไม่มีข้อติชมก็เมนท์ได้เหมือนกันค่ะ ฮาา

Ps.ทำไมมันเว้นบรรทัดไม่ได้๕๕๕ /เอาตีนก่ายหน้าผาก

Ps2.คือแรงบันดาลใจส่วนนึงได้มาจากรูปนี้ในทัมป์ค่ะ (จริงๆในรูปเป็นเพอร์ซิโคค่ะ แต่เห็นเพอร์ซีย์กับหนูแอนนาเบ็ธดูแฮปปี้กันมากตั้งแต่ต้นจนจบ เลยไม่อยากจะไปรบกวนน่ะค่ะ มันรู้สึกผิดแปลกๆ๕๕๕ ก็เลยกลายเป็นเจสิโคไปโดยปริยาย ฮา)

ssss hhhh

จากนักวาดคนนี้ค่ะ(ทั้งรูปปกฟิคทั้งอินสไปเรชั่นเลยนะคะ๕๕) http://minuiko.tumblr.com/

ยังไงก็ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ ❤

[S.Fic The heroes of Olympus] Sleepwalker {Jasico}

Pairing : Jason Grace/Nico di angelo – [Jasico]

Fandom : The heroes of Olympus : The house of Hades

Rating : T

Author : Hankaoxing

****มีสปอยล์ของซีรีย์ The heroes of Olympus : The house of Hades อยู่นิดหน่อยนะคะ****

****เนื้อหาเป็นชายรักชาย หากไม่มีเลือดวาย กรุณาไปซื้อมาให้เรียบร้อยก่อนนะคะ ฮา****

****ฟิคนี้ 0.5/4 เป็นออฟฟิเชียล ส่วนอีก3.5ที่เหลือมาจากฟิลลิ่งทั้งนั้นค่ะ ๕๕๕****


เจ้าจักถูกความมืดของเจ้ากลืนกินนิโค ดิแองเจโล..

 

‘นั่นใคร?!’

 

เจ้าจักถูกความมืดของเจ้ากลืนกินให้หายไปจากโลกใบนี้ไปตลอดกาล..

 

‘แกกำลังพูดเรื่องอะไร..’

 

เจ้าจักไม่มีวันสมหวังในทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ..

 

‘ฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น!’

 

ทุกสิ่ง..รวมไปถึงบุตรแห่งโพไซดอน…

 

‘หยุด..’

 

…โค..

 

‘ไปให้พ้น..’

 

…นิโค..

 

‘ฉันบอกว่า..’

 

“นิโค!!!”

…เขารู้สึกตัวแล้ว นิโคพยายามกะพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัส เขามองไปรอบๆตัวเขา มันเป็นห้องเล็กๆที่ไร้การตกแต่งใดๆเหมือนกับห้องนอนของเขาบนเรืออาร์โกสอง.. แต่มันไม่ใช่เนี่ยสิ! ข้างนอกยังมืดสนิท เขาได้ยินเสียงคลื่นคลอเบาๆพร้อมกับเสียงลมที่เสียดสีกับแผ่นไม้ มันเลยทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจ(และโล่งใจ)ว่าเขายังคงอยู่บนเรืออาร์โกสองอยู่ แต่ที่สำคัญก็คือ ถ้านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา แล้วมันเป็นของใครล่ะ?

 

“นิโค!” เสียงเรียกจากเบื้องล่างทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิดทันที “โอ เหล่าเทพเจ้า” เขาอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้ บุคคลเบื้องล่างที่เขากำลังนั่งทิ้งน้ำหนักตัวลงไปอยู่ก็คือเจสัน เกรซ บุตรแห่งจูปิเตอร์ (หรือซุส.. หรือจะอะไรก็ช่าง) 

“ฉันดีใจนะที่ในที่สุดนายก็รู้สึกตัวสักทีน่ะเพื่อน ทีนี้ นายช่วยเอาดาบสีดำน่าขนลุกของนายออกไปจากคอของฉันสักทีจะได้มั้ย” เจสันชี้ไปที่คอของตัวเอง นิโคมองตามมือเรียวยาวนั่น เขาแทบจะอุทานว่า โอ เหล่าเทพเจ้า ออกมาอีกสักรอบ(แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำ)

ที่คอของเจสันมีรอยแดงช้ำเป็นแถบยาวอยู่ และต้นเหตุที่ทำให้เกิดรอยแดงนั่นก็คงไม่ใช่อะไรอื่น..ดาบสไตเจียนของเขานั่นเอง 

นิโครีบชักดาบของเขากลับทันที “ฉ..ฉันขอโทษ! ฉัน..ฉันไม่ได้ตั้งใจ จริงๆแล้ว ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น..” นิโคพูดความจริง เขาจำได้แค่ว่า หลังจากที่เขาทานอาหารเย็นพร้อมกับคนอื่นๆเสร็จแล้ว เขาก็รู้สึกอยากจะงีบซักหน่อย เขาเลยกลับมาที่ห้องพักของเขาและหลับไปแทบจะทันที เขาฝัน แล้วพอรู้ตัวอีกทีก็.. อืม  เป็นอย่างที่เห็น 

“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึง..” เขาถามออกไป เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้เจสันเห็นว่ามือของเขามันสั่นขนาดไหน

“อืม.. ก็หลังจากที่นายและคนอื่นๆหลับไปได้..น่าจะประมาณ2ชั่วโมง นายก็เดินเข้ามาในห้องของฉันตอนที่ฉันกำลังอาบน้ำอยู่ พอฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ ฉันก็เห็นนายยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงกลางห้อง ฉันพยายามถามว่านายมาทำอะไรที่นี่แต่นายก็เงียบ แล้วจากนั้นนายก็ผลักฉันลงกับเตียง นายคร่อมฉัน จริงๆมันเกือบจะดูอะไรๆอยู่แล้วถ้านายไม่ดันหยิบดาบสไตเจียนของนายออกมาแล้วพยายามที่จะปาดคอฉันซะก่อน” เจสันชี้ไปที่รอยแดงตรงคอของเขา

“แล้วทำไมนายไม่ต่อยฉันหรืออะไรแบบนั้นเล่า!!” นิโคสวนกลับ อย่างเขาเนี่ยนะจะเป็นพวกชอบนอนแล้วเดินละเมอ อย่างเขาเนี่ยนะ?! 

เจสันหัวเราะ “ถ้าฉันทำได้ฉันก็ทำไปนานแล้วล่ะ คืองี้ จู่ๆนายก็เหมือนกับมีพรแห่งมาร์สเหมือนแฟรงก์หรืออะไรเทือกนั้นอยู่ในตัวของนายขึ้นมากะทันหัน.. แค่เปรียบเปรยน่ะ ประเด็นก็คือฉันสลัดนายไม่หลุด ฉันต้านแรงของนายไม่ได้ แต่ก็เหล่าเทพเจ้าช่วยล่ะนะ นายตื่นขึ้นและฉันก็ยังอยู่!”

นิโคพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดเหล่านั้นของเจสัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลยที่ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงเดินละเมอมาที่ห้องนอนของเจสันแล้วจากนั้นก็ผลักเขาลงกับเตียงเพื่อพยายามที่จะฆ่าเขา?

 

แต่ก่อนที่นิโคจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เจสันก็พลิกตัวนิโคลงกับเตียงแล้วกดนิโคไว้ด้วยน้ำหนักของเขาแทน “นายจะทำอะไรของนายน่ะ?! ปล่อยฉันนะ!” นิโคพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่เจสันเพียงแค่จับข้อมือของนิโคให้ไขว้กันเหนือศีรษะแล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงให้มากกว่าเดิมเท่านั้น 

“ฮ่าฮ่า” เจสันหัวเราะ “ยอมรับเลยว่าก่อนหน้านี้นายน่ะ น่ากลัวชะมัด!” เจสันใช้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่เชยคางของนิโคให้หันมามองหน้าเขาตรงๆ

“แต่ว่านะ” เจสันยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนสันจมูกโด่งของเขาแนบชิดกับแก้มเนียนซีดที่เริ่มจะขึ้นสีของเด็กหนุ่มเบื้องล่าง

นิโคสามารถได้กลิ่นยาสีฟันกลิ่นมินต์จากเจสันได้

“ตอนนี้น่ะ..” นิโคพยายามเบือนหน้าหนีสัมผัสจากเจสันที่ข้างแก้มของเขา เด็กหนุ่มหลับตาแน่นเพื่อปลอบตัวเอง

 

ให้ตายสิ..

 

“นายน่ารักชะมัด”

 

เจสันเลิกเสื้อยืดสีดำของนิโคขึ้น แล้วกัดลงไปที่หน้าท้องแบนราบนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว 

“อึ่ก! มันเจ็บนะ! ทำอะไรของนายน่ะเจ้าบ้า!” เป็นอีกครั้งที่เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการอย่างไร้ความหวัง เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาหน้าแดงแค่ไหนแล้ว แต่เขาคิดว่ามันต้องแดงยิ่งกว่าเลือดของอสูรกายทุกตนที่เขาเคยกำจัดมาแน่ๆ 

เมื่อเจสันเห็นปฏิกิริยาของนิโค มันทำให้เขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฮ่าฮ่าฮ่า ก็นายบังอาจพยายามที่จะสังหารแม่ทัพแห่งกองทหารโรมัน ก็ต้องเจอบทลงโทษแบบนี้ล่ะ!” เขาถอนหน้าออกมาจากนิโคเพื่อที่จะดูผลงานที่ตัวเองทำไว้แบบชัดๆ

มันเป็นรอยกัดขนาดย่อมบริเวณหน้าท้องทั้งๆที่เขาออกแรงกัดเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่มันกลับสามารถเห็นได้ชัดบนหน้าท้องขาวซีดของนิโค ..ไม่รู้เพราะอะไรเจสันถึงรู้สึกพอใจกับมัน

“พอใจรึยัง” นิโคถามเจสัน เขาทำหน้าเหมือนกับแมวที่กำลังอารมณ์เสียตัวหนึ่ง เจสันพยายามอย่างมากที่จะไม่หัวเราะออกมา

“อืม..จริงๆแล้วฉันอยากจะทำให้ทั่วตัวนายเลย นายจะอนุญาตฉันมั้ยล่ะ?” เจสันยิ้มหยันให้นิโค

“ใครมันจะไปอนุญาตกันเล่าเจ้าบ้า! ทีนี้ก็ปล่อยฉันได้แล้ว!” นิโคพยายามออกแรงดิ้นอีกครั้ง เจสันปล่อยมือจากข้อมือของนิโค

“นั่นก็เพราะนายผอมกะหร่องเป็นลีโอหมายเลขสองแบบนี้ไงล่ะนายเลยถูกฉันจับเอาได้ง่ายๆ คราวหลังก็กินให้มันเยอะๆหน่อยสิ ทุกครั้งฉันก็เห็นนายเอาแต่กินแค่ทับทิมหนึ่งผลตลอด” เจสันเอ็ดนิโค

“ไม่ใช่กงการอะไรของนายน่า!” นิโคสวนกลับ จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรเจสันหรอก ถ้าเปรียบเทียบระหว่างรอยกัดที่เจสันทำกับรอยแดงช้ำจากดาบสไตเจียนที่คอของเจสัน.. รอยกัดของเจสันกลายเป็นเด็กๆไปเลย 

“…ยังไงก็ตาม ขอโทษสำหรับรอยที่คอนายนะ” นิโคพูดโดยไม่หันมามองเขา

“เฮ้ นายคิดมากเกินไปแล้วไอ่น้องชาย ฟังนะ มันไม่เป็นไร ดูสิ” เขาจับมือของร่างบางตรงหน้าให้มาสัมผัสกับรอยแผลที่คอของเขา “เห็นมั้ย มันไม่ลึกมาก แค่รอยถลอกเล็กๆน้อยๆเอง กินอาหารทิพย์นิดหน่อยก็หาย!” …ให้ตายสิ เจสันยิ้มชนิดที่ว่าถ้าให้ลืมความจริงที่ว่าอะพอลโลเป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ไป แล้วให้ทายว่าใครกันแน่ที่เป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์… นิโคคงจะตอบเจสัน

“แต่… อ้ะ!” นิโครู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่บริเวณหน้าท้องของเขา.. มือของเจสัน

“ฮ่าฮ่า ฉันบอกแล้วไงว่ามันไม่เป็นไร! งั้นเอางี้ นายก็ถือซะว่ารอยพวกนี้เป็นสัญลักษณ์ว่า ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ เป็นไง! แบบว่าฉันทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะได้เจ๊ากับที่นายทำกับฉัน อะไรประมาณนั้นล่ะนะ”  เอาอีกแล้ว.. เจสันยิ้มแบบฉัน-นี่-แหละ-คือ-ดวง-อา-ทิตย์! ให้นิโคอีกแล้ว

นิโคพยายามก้มหน้าเพื่อซ่อนใบหน้าแดงฉ่าของตัวเอง “เพื่อน..หรอ” เขาพึมพำกับตัวเองออกมา งั้นตอนนี้เจสันกับเขาก็เป็นเพื่อนกันแล้วงั้นสินะ..?

“ฮ่าฮ่า! จะดีใจเกินไปแล้วนะไอ่น้องชาย ตอนนี้หน้านายแดงอย่างกับผลทับทิมสุกแน่ะ!” เจสันหัวเราะ

“ค..ใครบอกว่าฉันดีใจกัน! การเป็นเพื่อนกับนายมันไม่เห็นจะน่าดีใจเลยสักนิด!” เจสันหัวเราะอีกครั้ง เขาเชยคางของร่างเล็กตรงหน้าขึ้น “ฉันจะปกป้องนาย แล้วก็คนอื่นๆในเรืออาร์โกสองให้ได้” นั่นเป็นสิ่งที่เจสันพยายามและตั้งใจทำมาโดยตลอด การปกป้องทุกคนบนเรือเป็นหน้าที่ของเขา

“หึ อย่ามาพูดอะไรหลงตัวเองหน่อยเลยท่านแม่ทัพ อย่างนายจะไปทำอะไร..-” เจสันไม่รอให้นิโคพูดจบ เขาเลื่อนใบหน้าให้เข้าไปใกล้นิโคจนทั้งคู่สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

เจสันไล่ริมฝีปากไปทั่วใบหน้าของนิโค หน้าผาก สันจมูก แก้มขึ้นสีทับทิมนั่น และริมฝีปากบาง..

“อ้ะ- เจสัน ห..ยุด-” นิโคใช้มือบางนั่นในการพยายามผลักเจสันออกไป

“นิโค…” เจสันไม่รอช้า เขาเลิกเสื้อของร่างเล็กตรงหน้าขึ้นอีกครั้ง มือเรียวไล่ไปตามจุดอ่อนไหวของร่างเล็กราวกับจะหยอกล้อ

 

แต่..

 

“เอ่อ… ฉันมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า?” ลีโอยืนมองดูทั้งคู่อยู่ตรงประตูห้องของเจสัน เขาใส่เสื้อยืดสีส้มที่เขียนว่า ทีมลีโอผงาด! กับกางเกงนอนลายจุด

 

…..นิโคแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแล้วไปโผล่ที่นรกทาร์ทารัสตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

 

“อ้าว! ลีโอ.. นายมาได้ยังไงเนี่ย” เจสันเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ลุกออกจากเตียงพร้อมกับทักทายเพื่อนสนิทอย่างเคยชิน

“เอ่อ..ฉันแค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ ก็เลยกะจะมาเดินเล่นที่ดาดฟ้าเรือสักหน่อย แต่พอฉันเดินผ่านห้องนาย ฉันก็ได้ยินเสียงนิโคตะคอกอะไรสักอย่างใส่นาย ฉันก็เลยกะจะเข้ามาช่วย แต่…ก็นะ” ลีโอยักไหล่แล้วทำหน้าแบบก็-รู้-รู้-กัน-อยู่ 

“ม..มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ!! เราแค่..” นิโคเดินตามมาและมองเจสันด้วยสายตาประมาณว่า ช่วยกันหน่อยสิ! 

เจสันทำเป็นไม่เห็นสายตานั่น “อ้อใช่! เรากำลังจูบกันน่..-” ไม่ทันที่จะได้พูดจบ นิโคก็เตะเข้าไปที่ท้องของเจสันอย่างแรงพร้อมกับด่าทางสายตาว่า ไอ่บุตรจูปิเตอร์งี่เง่าเอ้ย!!

เจสันทรุดลงไปโอดครวญกับพื้นราวกับว่าจู่ๆพื้นไม้ของเรืออาร์โกสองก็กลายเป็นอาจารย์โฮมรูมของเขาขึ้นมา

“ฉันไปล่ะ!” จากนั้นนิโคก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปพร้อมกับด่าร่างที่กำลังโอดครวญอยู่ที่พื้นไปด้วยในใจ เจ้าบ้าเจสัน!

 

หลังจากที่ร่างเล็กเดินออกไปแล้ว

“เอ่อ…แล้วสรุปพวกนายเป็น..?” เด็กหนุ่มผิวสีถามขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เจสันคิดว่าสีหน้าของลีโอตอนนี้เหมือนกับตำรวจที่กำลังบอกให้เขาบอกลักษณะของโจรขโมยส้มมา 

“เป็นเพื่อน! แน่นอนอยู่แล้ว!”

 

…แล้วเขาก็ถอนหายใจ

“ไม่รู้สิเพื่อน ฉันก็ไม่แน่ใจ คือจริงๆแล้ว ฉันพึ่งจะบอกเขาไปเองว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน…แต่พอรู้ตัวอีกที ฉันก็พบว่าฉันกำลังจูบเขา ฉันคิดว่าบางทีการที่พ่อแม่กำลังสับสนในตัวตนของตัวเอง.. อืม แค่เดานะ มันอาจจะส่งผลมาถึงลูกด้วยก็ได้” ลีโอสามารถสังเกตได้ว่าพายุในนัยน์ตาของเจสันเริ่มที่จะตีกันเองแล้ว

 

“…นายกำลังจะบอกว่านายไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่งั้นสิ?”

 

“ฉันก็ไม่แน่ใจ”

 

 

“……นายอยากให้ฉันบอกไพเพอร์มั้ย”

 

 

“……นายไม่อยากบอกเธอแน่นอนเพื่อน”

 


….จบบบบบบบบ เย่5555555555

คือหนังสือ The house of Hades เข้าไทยตั้งแต่ตุลาคมปีก่อนค่ะ แต่พึ่งมาอ่านจบเอาตอนปีใหม่2015 เย่ ดองไว้แรมปีนะ

คือติ่งแตกมากตอนนี้ ถ้าใครได้อ่านเล่มนี้แล้วจะรู้ว่านิโคเล่มนี้แบบ น้องแม่งน่ารักมากค่ะ ฮือออ คือถึงเจสันจะรู้ความลับของนิโคแล้วแต่เจสันก็ยังคงเทคแคร์นิโคดีมาก..มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำอ่ะ55555 ก็เลยเกิดเป็นฟิคนี้ขึ้นค่ะ 5555555555555555555555555555555 ส่วนความฝันของนิโคที่ได้ให้ไว้ตอนเริ่มฟิค อันนั้นเป็นสปอยล์ของเล่มสุดท้ายค่ะ ❤ แล้วจะสปอยล์ทำเตี่ยไร

ยังไงก็ตาม ขอบคุณทุกท่านที่ได้หลงเข้ามานะคะ ❤

สำหรับรูปปกฟิคนะคะ http://minuiko.tumblr.com/

SF : Choices [ Pegan x Ajay ]

Author : Hankaoxing

Rate : NC-17

Paring : Pegan x Ajay

Request : รัชโบว์

สวัสดีค่า ก่อนจะอ่าน อยากจะบอกฟิคเรื่องนี้ค่อนข้างออกแนวAUฟิคนะคะ(รึเปล่า๕๕๕)

รู้สึกว่าจะแต่งไม่ค่อยตรงคอนเซ็ปต์ด้วย ฮ่า แถมรู้สึกว่ามันไม่เห็นจะเรท17ตรงไหนเลย.. แต่งไปเขินไปคะ่ะ พอ เลิก ๕๕๕๕๕ แย่

อีกอย่างคือ นี่เป็นฟิคเรื่องแรกของไรต์เตอร์ค่ะ ถ้าไม่ดียังไง ขออภัยด้วยนะคะ แต่จะพยายามฝึกฝีมือไปเรื่อยๆค่า U H U

คือ เขียนฟิคนี้ขึ้นเพราะอยากช่วยพี่เฟย(KuFei-TanZ)ค่า ๕๕๕๕๕๕๕ ไปติดตามพี่เขากันได้นะคะทั้งในเฟสและในDek-dเลย เซิร์จตามนี้เลยนะคะ !

 


 

 

 

ผมไม่เข้าใจ

นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมไม่รู้ว่าผมควรทำตามอะไร.. ระหว่าง..

“คำสั่ง” กับ “หัวใจ”

.

.

.

.

ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้เสียงของผมเล็ดรอดออกไป

“อึก..อื้อ..! หยุดเถอะ…เพแกน!” ผมเรียกชื่อเขา…กษัตริย์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเผด็จการเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาที่ถึงกับทำให้หัวใจของผมกระตุกฮวบ

“หึ..สิ่งที่ฉันทำกับนาย..มันยังไม่เทียบเท่ากับสิ่งนายทำกับฉันเลยนะ…อาเจย์” เขาเรียกชื่อผมด้วยสายตานั่นอีกแล้ว..

สายตาของ..“ปีศาจ”

ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน โดยปกติแล้วไม่ว่าผมจะก่อความวุ่นวายมากมายแค่ไหน หรือแม้แต่การที่ผมทำลายประติมากรรมมุขปาฐะต่างๆของเขา.. ผมก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน

ผมหมายถึง ผมไม่เคยเห็นเขาโกรธได้ขนาดนี้มาก่อน

“อ..อึก..ฮ…ทำไม…นายทำแบบนี้..” ผมถามเขาด้วยเสียงแหบแห้งกว่าที่ผมคิด

เขาลากลิ้นร้อนนั่น..จากซอกคอของผม..ต่ำลงมา… และหยุดเล่นอยู่ที่บริเวณที่อ่อนไหวของผมบนอก

“เฮ้ย..! หยุดนะเพแกน! พอได้แล้…ว..” บ้าที่สุด การที่เขาทำแบบนี้มันทำให้ผมแทบบ้า ผมอดที่จะยอมรับไม่ได้ว่ามันทำให้ผมรู้สึกดีนะ แต่…อ้าก! จะอะไรก็ช่าง ถ้าเขายังไม่หยุดเลียมัน ตัวผมต้องระเบิดแน่ๆ!

“ไอ่ราชาโรคจิต ! ฉันบอกให้นายพอได้แล้วไง..! ไม่อย่างนั้นฉันจะ..” ผมตะโกนใส่เขาสุดเสียง พยายามหวังว่ามันจะทำให้เขารำคาญและหยุดที่จะยุ่งกับจุดอ่อนไหวบนตัวผมสักที

…………….แต่ผมคิดผิด

“อ..เฮ้ย ! ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง..! พอได้—” ผมคิดว่าเขาจะหยุดยุ่งกับผม แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่ผมหวัง เขาจูบผม มันเป็นจูบที่รุนแรง .. ผมไม่เคยได้รับมันมาก่อน นี่ผมต้องมาเสียจูบแรกให้คนแบบนี้หรอ?! พระเจ้า

ผมเริ่มที่จะหายใจไม่ออกเพราะจูบนั่น เพแกนใช้ลิ้นของเขาควานหาความหวานภายในปากของผม ผมพยายามที่จะไม่ตอบสนองเขา แต่มันยิ่งทำให้เพแกนรุกล้ำผมมากขึ้นไปอีก ท้ายที่สุดผมก็หลบเขาไม่พ้น..

..ผมตอบสนองเขาอย่างเก้ๆกังๆแบบที่คนอย่างผมพอจะทำได้..เราเริ่มเข้าหากันและกันมากขึ้น ผมเริ่มรู้สึกโหยหาเขามากขึ้น…

..ผมต้องการ…มากกว่านี้…

…เดี๋ยวก่อน! นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?! นี่ผมโดนความรู้สึกที่ชายผู้นี้มอบให้ครอบงำขนาดนี้เชียว?!

ผมนึกได้ดังนั้น ผมจึงพยายามที่จะผละเพแกนออกจากผม และพยายามที่จะสลัดความคิดที่ผมคิดก่อนหน้านี้ทิ้งไปให้หมด

อย่างที่ผมบอก ผมพยายามที่จะผลักเพแกนออกไปจากร่างของผม และอย่างที่คิด..มันไม่ได้ผล

“อ..ฮา..ห..หายใจ..ไม่…” ผมครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะขืนปล่อยให้เขาจูบตามอำเภอใจแบบนี้ต่อไป ผมต้องได้ตายเพราะขาดอากาศหายใจแน่ๆ

เพแกนถอนริมฝีปากออกจากผมด้วยใบหน้าเสียดายเล็กน้อย

“จูบแค่นี้ถึงกับจะตายเลยหรือไง?” เขายิ้มเย้ยผม

เหอะ! ลองมาเป็นฉันดูมั้ยล่ะ?!

….เดี๋ยวนะ ทำไมเขาถึงลากมือเขาลงต่ำอย่างนั้นล่ะ .. เฮ้ย! จะต่ำเกินไปแล้ว!

เขาปลดซิปกางเกงผมออก และเริ่มใช้มือของเขาเล่นกับจุดอ่อนไหวอีกจุดหนึ่งของผม

“เฮ้ย พ..เพแกน..! นายรู้ตัวมั้ยว่านายกำลังทำอะไร…อ..ยู่…” ผมพยายามที่จะขัดขืน พยายามที่จะผลักเขาออกจากตัวผม แต่ร่างกายผมกลับไม่ทำตามคำสั่งของผม

…….สายไปแล้ว…เขาใช้มือของเขาเล่นกับส่วนอ่อนไหวของผม เขาใช้มือลูบไล้มันอย่างชำนาญ

ตอนนี้ผมไม่สามารถปฏิเสธไม่ได้อีกต่อว่าผมไม่ต้องการเขา..ตอนนี้ผมต้องการเขา…นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมคิดได้ตอนนี้ ผมต้องเขายิ่งกว่าใคร…

ผมต้องการให้เขา..ทำมัน

เขายังคงเล่นกับส่วนอ่อนไหวของผมอยู่ เขาใช้มือลูบคลำมันไปมาและเริ่มเคลื่อนไหว… จากช้า..ก็กลายเป็นเร็วและรุนแรง

“อ..อือ..เพ..แกน…” จากการกระทำของเขา อารมณ์ของผมเริ่มฉุดไม่อยู่ ผมครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมเอามือปิดปากของผมเพื่อหวังว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงของผม

“หึ คิดว่าการที่นายทำแบบนั้นมันจะช่วยให้ฉันไม่ได้ยินเสียงนายหรือไง” เขาพูดออกมาเหมือนเขารู้ใจผม ผมเบือนหน้าหนีเขาเพื่อพยายามหลบสายตาเย้ยหยันที่มองมาที่ผม

แต่แล้วจู่ๆเขาก็หยุดการกระทำเหล่านั้น ผมนึกสงสัย ผมจึงหันหน้ากลับมามองเขาอย่างช่วยไม่ได้

…แล้วผมก็นึกเสียใจ เมื่อผมพบว่าเขาย้ายตำแหน่งมือของเขา จากส่วนที่อ่อนไหวของผม.. ไปยังช่องทางนั้น ผมกำลังนึกที่จะโต้แย้งเขา แต่ก็ช้าไป..

เขาสอดนิ้วมือของเขาเข้ามาในตัวผม… ผมกรีดร้องออกมา ผมรู้สึกว่าตัวผมเริ่มที่จะบิดเป็นเกลียวจากการกระทำที่เขาทำ… จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม… เขาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนตอนนี้ผมรู้สึกว่าความคิดของผมขาวโพลนและเบลอไปหมด

“เพแกน ! เพ..แกน..!”  ผมเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังว่ามันจะช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านี้ให้หายไป

….และใช่ มันได้ผล

“เพแกน..เพ…แกน..” ผมเรียกชื่อเขาต่อไป ผมสามารถรู้สึกได้ถึงนิ้วเรียวของเขาที่เคลื่อนไหวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งเร็วและรุนแรง ผมรู้สึกเหมือนร่างกายของผมกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“นายนี่อ่อนไหวกว่าที่ฉันคิดอีกนะอาเจย์” เพแกนพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

เป็นอีกครั้งที่ผมพยายามที่จะไม่สบตาเขา ผมไม่ชอบสายตาที่เขามองมาทีผมเลย มันเป็นสายตาทำให้ผมรู้สึกประหม่า

เขาสังเกตเห็นการกระทำของผม เขาจึงใช้มืออีกข้างของเขารวบรอบคอของผมขึ้นเพื่อบังคับให้ผมมองเขา

“เป็นอะไร ? เกลียดขี้หน้าฉันถึงขนาดไม่ยอมมองหน้ากันเลยหรือไง? ใจร้ายจังนะนายเนี่ย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

“ไป..ตาย..ซะ..อะ..!” ผมบอกให้เขาไปตายซะ มันเกือบจะดูจริงจังแล้วถ้าไม่ติดว่าผมเผลอหลุดครางออกไปเพราะผมเริ่มที่จะหายใจไม่ออกแล้ว

“หึ ขนาดนี้แล้วยังปากดีอยู่ได้นะ สมกับเป็นนายจริงๆ..” เพแกนพูดขึ้น ขณะที่มือของเขายังคงรวบคอของผมอยู่ …แลดูมันจะแน่นขึ้นด้วยซ้ำ

“อ..หุบ..ปาก..”

“ฮ่าฮ่า ปากดีแบบนี้ ให้ฉันบีบคอให้นายตายไปเลยจะดีไหมนะ?” เขาพูดพร้อมกับยิ้มหยัน มืออีกข้างยังคงวุ่นวายอยู่กับช่องทางของผม

“หึ ก็เอาเลยสิ..” ผมบอกเขา .. ความคิดของผมตอนนั้นคือปล่อยให้ผมตายๆไปซะเลยก็ดี

….เขาเงียบไปสักพัก .. ก่อนที่สัมผัสภายในช่องทางของผมจะเปลี่ยนไป ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นอะไรที่ใหญ่กว่าและรุนแรงกว่าเมื่อกี๊มาก

“อึก! ทำ..อะไร! เอามันออกไปน..ะ!” ร่างกายของผมกระตุกพล่านจากสัมผัสแปลกใหม่นั่น

ผมรู้สึกได้ว่าตัวผมเริ่มที่จะบิดเป็นเกลียวอีกครั้งก่อนที่ผมจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดใหม่ที่แตกต่างเมื่อก่อนหน้านี้

เพราะว่าเพแกนกำลังใช้ปากกาด้ามโปรดของเขา .. ใช่แล้ว ปากกาด้ามที่ใช้แทงนายทหารคนนั้นต่อหน้าต่อตาผมในการเริ่มที่จะกรีดมันไปตามตัวของผม

“อึก! มันเจ็บ! หยุดนะเพแกน! อ…” ผมกรีดร้อง ถึงมันจะเป็นเพียงรอยตื้นๆแต่ก็ผมก็เจ็บ .. ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอะไรแบบนี้

ผมพยายามอดกลั้นเสียงกรีดร้องและความเจ็บปวดของผมให้มากที่สุด เพราะผมรู้ว่าการที่ผมยิ่งกรีดร้อง .. มันจะยิ่งทำให้เพแกนได้ใจ

…ความเจ็บปวดจากการที่เขาใช้ปากกานั่นกรีดไปตามตัวของผมทำให้ตอนนี้ห้องทั้งห้องอบอวนไปด้วยกลิ่นคาวเลือดของผม

และผมก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันเป็นตัวปลุกอารมณ์ชั้นยอดให้แก่เพแกน

เขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้นและแรงขึ้น ผมทั้งกรีดร้องและปล่อยเสียงแปลกๆนั่นออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เพแกน…อะ..เพ..แกน..!” สะโพกของผมเริ่มขยับตามการเคลื่อนไหวของเพแกน

“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างล่ะอาเจย์ ?” เขาถามผม

ผมเลือกที่จะเอามือปิดปากของผมอีกครั้ง และพยายามที่จะไม่สนใจเขา

“ตอนนี้…นายรู้สึกเจ็บปวดแล้วหรือยังล่ะ หืม?” เขาถามผมอีกครั้งพร้อมกับเคลื่อนไหวรุนแรงมากขึ้น

“อ..พอ..มัน..เจ็..บ”  ผมตอบเขา ตอนนี้ผมรู้สึกได้เลยว่าร่างกายของผมกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆอีกครั้ง

“หืม? อะไรนะอาเจย์ ฉันได้ยินไม่ชัดเลย..” เขาหยอกผมพร้อมกับเคลื่อนไหวรุนแรงอีกครั้ง

“ฉัน..เจ็บ..! ฉัน..” ผมพยายามตอบเขาด้วยสติที่ยังพอหลงเหลืออยู่ของผม

“หึ ที่นายเจ็บ..มันยังไม่เท่าที่ฉันเจ็บหรอกนะอาเจย์” พอเขาพูดขึ้นมาอย่างนั้น ผมจึงเลือกที่จะมองหน้าเขาอีกครั้งด้วยความสงสัยจากนิสัยของผม

“ตอนที่นายยังเด็ก ฉันเป็นคนที่เลี้ยงนายมาเหมือนกันนะถึงนายจะจำไม่ได้ก็เถอะ ฉันเป็นคนที่คอยดูแลนายและแม่ของนายก่อนที่หล่อนจะพานายหนีไปอยู่อเมริกา และพอนายกลับมา..ฉันรู้สึกภูมิใจมากว่าเด็กน้อยที่ฉันเคยลูบหัวเล่นตอนที่เขายังเด็กตอนนี้เขาได้กลับกลายมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวซะแล้ว ในตอนแรก ฉันก็กะว่าจะให้นายปกครองนครนี้แทนฉันนะ แต่ว่า..นายก็ดันไปเข้าร่วมกับพวกกบฏพวกนั้นซะก่อน.. หึ แล้วจากนั้นนายก็ก่อปัญหามาให้ฉันมากมาย ทั้งฆ่าทหารของฉัน รวมไปถึงการที่นายทำลายธุรกิจของฉันด้วยการเผาโรงงานฝิ่น .. แต่ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ค่อยสนใจนักหรอก” เขาเงียบไปก่อนจะควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา

…..มันเป็นรูปที่ซาบาลจูบผม…..

“ฉัน..นั่นไม่ใช่อย่างที่นา..ยคิด…ฮะ..—” ผมพยายามที่จะอธิบายว่าตอนนั้นซาบาลแค่เมามากจากการที่เขาดื่มอะไรๆเพราะความเครียดจนไม่สามารถควบคุมสติอะไรต่างๆได้ แต่เพแกนก็จูบผมก่อนที่ผมจะได้พูดมัน

ลิ้นของเราตวัดหาความหวานของกันและกันไปมา ผมเข้าหาเขาอย่างโหยหาอีกครั้ง เขาตอบสนองผมอย่างชำนาญ เขาพรมจูบไปทั่วร่างกายของผม บทเพลงรักเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงเขาขยำรูปใบนั้น…และโยนมันทิ้งไป

มือของเขาเริ่มเล่นกับจุดอ่อนไหวบนอกของผมอีกครั้ง ผมครางออกมาและผมเลือกที่จะไม่ปกปิดเสียงของผมอีกต่อไป

มือของผมเริ่มลูบไล้จากผมตัดสั้นเกรียนบริเวณท้ายทอย…ลงมาที่บ่าของเขา และเริ่มที่จะจิกข่วนหลังของเขาเป็นทางยาวตามความรู้สึกจากตัณหาเหล่านี้ ผมสามารถรับรู้ได้ถึงเลือดที่ไหลซึมออกมาจากแผ่นหลังกว้างของเขา

ดูเหมือนเพแกนจะไม่ยอมแพ้ หลังจากที่เขาเล่นกับจุดอ่อนไหวบนอกของผมจนพอใจ เขาก็เริ่มไล่มือไปตามแผลที่เขากรีดไว้บนตัวของผม .. เขากดลงไปที่รอยแผลเหล่านั้น

“อะ! มันเจ็บ! เพแกน..!” ผมอุทานออกมาเพราะความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วเมื่อเขากดลงไปที่แผลเหล่านั้น ผมใช้มือของผมจับไปที่มือของเขาเพื่อพยายามให้เขาเลิกยุ่งกับแผลนั่น

จากนั้นเขาก็ใช้มือข้างหนึ่งของเขารวบมือทั้งสองข้างของผม..และตรึงมันไว้เหนือเตียง

“เดี๋ยว..นี่นายจะทำ..–” ผมพูดออกไปตามสัญชาตญาณ

เขาไม่สนใจผม เขาใช้มืออีกข้างในการยกขาข้างหนึ่งของผมขึ้นพาดบ่าของเขา และเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง

“อ..ฮะ!..อื้อ..เพแกน..” สัมผัสพวกนั้นมันทำให้ผมแทบบ้า ผมเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า กรีดร้องและครางออกมาไม่รู้หยุดหย่อน ทั้งยังขยับสะโพกตามการเคลื่อนไหวของเขาอีกต่างหาก ผมยอมแพ้ให้แก่อารมณ์ที่พลุ่งพล่านที่กำลังจะนำผมลงไปสู่ห้วงตัณหาอันมืดมิดในที่สุด

และเมื่อบทเพลงรักใกล้ที่จะจบลง .. เขาก็ปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระและเขาก็เริ่มที่จะจูบผมอีกครั้ง เราตอบสนองกันและกัน

มือของผมจิกข่วนไปตามแผ่นหลังของเขา…และด้วยอารมณ์ที่ฉุดไม่อยู่อีกต่อไป เขาจึงเคลื่อนไหวที่ทั้งลึกและรุนแรงอีกสองสามครั้ง..

…ก่อนที่บทเพลงรัก…จะจบลง

.

.

.

.

เช้าวันต่อมา.. ผมตื่นขึ้นมาในห้องที่ผมไม่คุ้นตา ผมนั่งนึกอยู่นานว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

และผมก็นึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนของผมและเขาออกในที่สุด..

“ให้ตายสิ.. ทำลงไปจนได้สินะเรา..” ผมพึมพำออกมาพร้อมกับเอาหน้าซุกเข้าไปในหมอนใบหนาที่ผมกำลังกอดมันอยู่ .. จริงๆแล้วผมอยากจะเอาหน้ามุดดินแล้วหายไปเลยซะมากกว่า…

ผมนั่งนิ่งอยู่นานจนในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะลุกจากเตียงเพื่อที่จะได้รีบกลับไปหาพวกพ้องของผมให้เร็วที่สุดก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าผมหายตัวไปและเริ่มออกตามหาตัวผมซะก่อน

…ผมก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามา

“อึก!” ผมทรุดลงกับพื้น

“จ..เจ็บชะมัด เจ็บไปหมดเลย..” ผมบ่นงึมงำขณะที่เอามือลูบบริเวณสะโพกและรอยแผลต่างๆจากการที่ถูกเขากรีดตามร่างกายของผมเบาๆ

ผมนึกถึงคำพูดที่เพแกนพูดกับผมเมื่อคืน

‘ตอนนี้…นายรู้สึกเจ็บปวดแล้วหรือยังล่ะ’

‘ฉันรู้สึกภูมิใจมากว่า..เด็กน้อยที่ฉันเคยลูบหัวเล่นตอนที่เขายังเด็ก.. ตอนนี้กลับกลายมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวซะแล้ว’

….เพแกนเคยช่วยดูแลเรามาก่อนงั้นหรอ .. แต่ก่อนที่ผมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ผมก็รู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่มาสัมผัสที่แก้มของผม

ผมเงยหน้ามองเจ้าของมือคู่นั้น

“เพแกน..” ผมเรียกชื่อเขาออกมา

“อะไรกันเนี่ยอาเจย์ เจอไปเมื่อคืนถึงกับเดินไม่เป็นเลยรึไง” เขายิ้มหยันใส่ผมอีกครั้ง

“ก..ก็เพราะแกนั่นแหละ!” ผมตะโกนใส่เขา ผมรู้สึกว่าหน้าของผมตอนนี้มันร้อนผ่าวไปหมด

“ฮ่าฮ่า ก็เพราะใครกันล่ะ ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนั้นน่ะ” เขาพูดติดตลก

….แต่ไม่รู้เพราะอะไร ผมถึงสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในน้ำเสียงของเขา

“เพแกน.. คือฉัน…” ผมอยากจะขอโทษเขา.. ผมรู้ว่าเขารักผม.. และผมก็รักเขา… ผมไม่รู้จะอธิบายให้เขาเข้าใจยังไงดีว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ซาบาลจูบผมมันไม่มีอะไร ตอนนั้นซาบาลแค่กำลังเครียดในภารกิจต่างๆเลยอยากจะหาทางระบายโดยการดื่มเครื่องดื่มดีกรีสูงจนเขาเมาเลยทำให้ซาบาลทำอะไรไม่ได้คิดเท่านั้น แต่ถึงผมจะอธิบายออกไปแบบนั้น .. เพแกนก็คงคิดว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างที่ไร้สาระอยู่ดีล่ะมั้ง

“หืม? มีอะไรจะพูดกับฉันหรือไงอาเจย์” เพแกนรบเร้าผมเมื่อเห็นว่าผมนิ่งเงียบไปนาน

“…..เปล่า ไม่มีอะไร” …ผมตอบเขาอย่างนั้น.. ทำไมกันนะ…คำพูดที่ผมอยากจะพูดออกมาให้เขาฟังในตอนแรก… คำว่าฉันรักนาย’และคำว่าฉันขอโทษ’… ทำไมผมถึงเลือกที่จะไม่บอกมันออกไป… ทำไมผมถึงเลือก..ที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้ในใจของผมคนเดียว…กันนะ?

“ฉันต้องไปแล้ว” ผมพูดออกไปอย่างนั้น พร้อมกับเลือกที่จะไม่สบตาเขา ผมรีบแต่งตัว และรีบเดินออกไปจากห้องนั้น…

…..แต่คุณรู้อะไรมั้ย? ว่าตอนนั้น… ผม..อยากให้เขารั้งผมเอาไว้แค่ไหน… แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมา…มันไม่มีอะไรเลย นอกจากความเงียบบ้าๆนั่น…

มัน…ไม่มีอะไรอีกแล้ว…

.

.

.

.

เมื่อผมมาถึงที่หมู่บ้าน ผมพบว่าซาบาลกำลังประชุมสำหรับแผนต่อไปอยู่… ผมจึงเดินเข้าไปหาเขาด้วยสีหน้าปกติที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

“ว่าไงอาเจย์” ซาบาลทักทายผม

“ก็ดี นายล่ะ” ผมตอบกลับเขาตามมารยาท หวังว่าเขาคงจะไม่เห็นรอยต่างๆบนตัวผมหรอกนะ

“อืม… ตอนนี้ฉันกำลังวางแผนต่อไปสำหรับการโค่นล้มเพแกนมินอยู่น่ะ” เขาตอบมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

หัวใจของผมกระตุกวูบ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไป ซาบาลก็บอกให้ผมทราบถึงภารกิจสำคัญที่ผมจะต้องทำต่อไป..

“หน้าที่ต่อไปของนายก็คือ…. นายต้องฆ่าเพแกนมิน

..ผมไม่รู้ว่าสีหน้าของผมมันดูโหวงขนาดไหน

ใช่ ผมรู้..ผมรู้ว่าสักวันมันจะต้องมาถึง..วันที่ผมจะต้องฆ่าเขา…

แต่…ผมรักเขา…ทำไมผมถึงรักคนอย่างเพแกนมินกันนะ .. แล้วทำไมผมถึงต้องฆ่าคนที่ผมรักด้วยล่ะ ทำไมซาบาลถึงต้องการให้ผมเป็นคนทำ.. ทำไม…..

ผม….

“ทำไมฉันต้องเป็นคนทำมัน?” ผมถามซาบาลออกไปด้วยน้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

“เพราะว่านายเป็นบุตรแห่งโมฮัน นายเป็นทายาทแห่งคีรัตที่ถูกต้อง นี่คือสิ่งที่นายจะต้องทำเพื่อชาวคีรัตและพ่อของนาย” ซาบาลพูดกับผม

“นายจะต้องฆ่าเขา  นี่ไม่ใช่การขอร้อง..อาเจย์ แต่เป็นคำสั่ง” เขาบีบไหล่ของผมแน่น

“ฉันเชื่อใจนายนะ” เขาย้ำกับผมอีกครั้ง..

 

“ฉัน……” ผมไม่รู้ว่าผมควรจะตอบเขาไปยังไงดี…

รอยยิ้มของเขาคนนั้นแวบเข้ามาในความทรงจำของผม ถึงมันจะเป็นรอยยิ้มของปีศาจร้ายที่ผมหวาดกลัวในตอนแรก แต่ผมก็รักมัน ผมรักเขา

.

ระหว่างหัวใจกับหน้าที่..ผมควรจะทำยังไง..?

.

“ฉันจะ…………..”

END